กินอย่างไร? โรคภัยไม่ถามหา

กินอย่างไร? โรคภัยไม่ถามหา

ภาวะทุโภชนาการที่เกิดจากการกินดีอยู่ดี ส่วนใหญ่มีโรคเด่น ๆ อยู่ 2-3 โรคด้วยกัน เช่นโรคอ้วน โรคความดันเลือดสูง โรคเบาหวาน และสาเหตุของโรคดังกล่าวเกิดจากการที่ได้รับสารอาหารมากเกินไป และไม่สามารถที่จะใช้พลังงานจากสารอาหารพวกนั้นให้หมด จะทำให้มีไขมันพอกอยู่ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย อันเป็นผลมาจากการกินอาหารที่มีความเข้มข้นของแคลอรีสูง เช่น อาหารหวานจัด ขนมไทยบางอย่าง จำพวกทองหยอด ฝอยทอง และอีกพวกหนึ่งคือของที่มีมันมาก จำพวกของทอด บางคนนิยมกินของที่ทั้งหวานและมันเลยยิ่งมีผลต่อร่างกายมากและเร็วขึ้น

เมื่อได้รับแคลอรีเข้าไปมากแต่ใช้น้อย ไม่สมดุลกัน ทำให้แคลอรีที่เหลือมาสร้างเป็นไขมันพอกอยู่ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ผลจากการกินผิด ๆ ยังพบว่าหลาย ๆ ครั้งที่กินอาหารที่มีไขมันอิ่มตัว (ไขมันจากเนื้อสัตว์) เข้าไปมาก จะรู้สึกว่ายิ่งกินยิ่งอร่อย ไขมันพวกนี้จะถูกนำไปย่อยและดูดซึมเข้าไปอยู่ในกระแสเลือด แม้ว่าในเลือดจะมีขบวนการที่จะทำลายไขมันพวกนี้ แต่บางคนกินเข้าไปมากทำให้ร่างกายทำลายไม่หมด ทำให้เหลือค้างอยู่ในร่างกาย

ไขมันพวกนี้มีประโยชน์มากต่อเซลล์และการสร้างฮอร์โมน แต่ร่างกายต้องการในปริมาณน้อยที่เหลือก็กลายเป็นขยะลอยอยู่ในเลือดของเรา ซึ่งต้องหาทางกำจัด คนบางคนกำจัดไม่ได้ดีเท่ากับปกติ ทำให้ไปพอกตามเส้นเลือด มีผลให้เกิดโรคไขมันในเลือดสูงตามมา ซึ่งความจริงอาจจะเป็นผลจากอาหารการกินโดยตรงหรือกรรมพันธุ์ก็ได้ แต่ผลจากอาหารการกินจะสำคัญกว่า เพราะว่ายิ่งอ้วนขึ้นมา ก็ยิ่งส่งเสริมให้มีการเกิดโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมา

โรคที่ตามมาจากผลของการอ้วนคือ เบาหวาน คนอ้วนมีความสามารถในการเผาผลาญน้ำตาลลดลง โอกาสที่จะเป็นเบาหวานก็มีมากขึ้น มากกว่าคนบางคนซึ่งมีกรรมพันธุ์ของการเป็นเบาหวานเสียอีก เพราะฉะนั้น ความอ้วนที่เป็นศัตรูที่ร้ายโดยตัวของมันเองเพราะทำให้คนที่ไม่มีพันธุ์เบาหวานกลายเป็นเบาหวานได้ และยังมีปัญหาเรื่องความดันสูง ปวดข้อ ปวดเข่า (บ้านใหญ่ ๆ จะตั้งอยู่บนเสาเล็ก ๆ ได้อย่างไร) ตามมาอีกด้วย

ในกลุ่มของคนไข้ที่มาหาหมอเพื่อต้องการจะลดน้ำหนักนั้น เมื่อมีการตรวจเลือดแล้ว พบว่าในร่างกายขาดอาหาร คือขาดอาหารจำพวกโปรตีน แต่เป็นคนอ้วนที่มีไขมันมาก มีแคลอรีมาก เพราะกินอาหารจำพวกเนื้อสัตว์น้อย ในขณะที่กินของที่มีไขมันและแป้งมากจึงดูอ้วน การปฏิบัติตัวของคนที่มีอันจะกิน แต่กินไม่เป็น กินไม่ถูกต้องทำให้เกิดปัญหาทุโภชนาการเพราะผลจากการกินโดยไม่คำนึงถึงคุณค่าทางโภชนาการ