หลังจากเพลงร็อคค่อนข้างจะซบเซาในช่วงปี 1980-1990 แม้ว่าจะมีวงดนตรีร็อคมากมายที่คุ้นหูกันดีเช่น ไฮร็อค, ร็อคเคสตร้า แต่เทียบกระแสแล้วยังเป็นรองเพลงป็อปอยู่พอสมควร เพราะหากนึกถึงศิลปินยุคนั้นชื่อของ เบิร์ด ธงไชย, คริสติน่า, แอม เสาวลักษณ์ จะมาก่อนชื่อวงร็อคดังๆเช่น ดิ โอฬาร โปรเจคเสียอีก จนมาถึงกระแสอัลเทอร์เนทีฟที่เหมือนชุบชีวิตเพลงร็อคกลับสู่วงการเพลงไทยอีกครั้ง
1993 หินเหล็กไฟ
ถิอเป็นวงดนตรีที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในช่วงก่อนกระแสอัลเทอร์เนทีฟจะมา โดยหินเหล็กไฟนั้นเกิดจากสองสมาชิกวงดิ โอฬาร โปรเจ็คเก่าคือ โป่ง ปฐมพงศ์ และ รงค์ ณรงค์ (มือเบส) ฟอร์มวงใหม่ขึ้นมาและได้ โต นำพล กับ ป็อป จักรรินทร์ มาเล่นกีต้าร์ มือกลองเป็นน้าหมาน สมาน ยวนเพ็งหนึ่งในตำนานกลองเมืองไทย ออกอัลบั้มชุดแรกชื่อชุดเดียวกับวงเมื่อปี 1993 จุดกระแสเพลงร็อคขึ้นมาอีกครั้งดังแทบทุกเพลงในอัลบั้มไม่ว่าจะเป็น ยอม, เพื่อเธอ, นางแมว, พลังรัก และสู้ ก่อนจะต่อยอดอัลบั้มที่ 2 ชุดคนยุคเหล็กในปี 1995 แต่เปลี่ยนมือกลองเป็นเลสเตอร์ ชาวฟิลิปปินส์แทนเพราะน้าหมานไปรับหน้าที่มือกลองให้กับวงคาราวาน

แบล็คเฮด

วงร็อคหัวดำที่อดีตสมาชิกวงยูเรเนี่ยมในสมัยก่อนอย่าง ปู อานนท์ (กีต้าร์) และ ต๋อง สมทบ (เบส) ออกมาฟอร์มวงใหม่จึงได้ เอก อภิสิทธิ์ มือกีต้าร์จากวงบิ๊กกัน และ ยุ่น วิโรจน์มาตีกลอง ช่วงแรกนั้นยังเล่นดนตรีกลางคืนทั่วไปแต่ก็ไม่ธรรมดาอยู่แล้วเพราะเป็นอดีตนักดนตรีจึงเล่นร็อคผับ ผับชื่อดังที่สุดของชาวร็อค ก่อนที่ชั่วโมงนั้นกระแสเพลงแนวอัลเทอร์เนทีฟกับค่ายเล็กกำลังมา พวกเขาจึงได้ร่วมงานกับค่ายดนตรีเอ็มสแควร์ออกมินิอัลบั้มที่มีแค่ 4 เพลงในปี 1995 แต่ก็สามารถแจ้งเกิดได้ทันทีกับเพลงยืนยัน ทำให้ชื่อวงแบล็คเฮดเข้าไปอยู่ในใจชาวร็อคหลายคนและต่อยอดด้วยอัลบั้มที่ 2 ซึ่งเอาเพลงของวงอินโนเซนต์อย่าง เพียงกระซิบ มาทำใหม่จนกลายเป็นหนึ่งในเพลงบังคับที่ผับต้องเล่น จากนั้นจึงย้ายมาค่ายมอร์ มิวสิคในปี 1999 ทำอัลบั้ม Pure ส่งเพลง ยิ่งโต ยิ่งสวย และ อยู่ไป ไม่มีเธอ ดังเปรี้ยงจนขึ้นแท่นวงร็อคแถวหน้าของประเทศ