รู้จักกับ SUICIDE SILENCE กันอีกนิดก่อนไปดูของจริงกันอีกครั้ง!

และแล้วก็เวียนมาบรรจบพบกันเป็นครั้งที่สามแล้วสำหรับวง Suicide Silence เดธคอร์ตัวพ่อจากแคลิฟอร์เนีย มาทบทวนกันหน่อยครับว่าพวกเขาเป็นใครมาจากไหน!

Suicide Silence เป็นวงดนตรีจากเมืองริเวอร์ไซด์ ตั้งอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อตั้งวงกันเมื่อปี ค.ศ. 2002 โดยออกอีพีชุดแรกชื่อเดียวกับชื่อวงเมื่อราวเดือนกันยายนปี ค.ศ. 2005 กับสังกัด The Deep End Records ในสหราชอาณาจักร ผลงานอีพีชิ้นนี้อันแน่นด้วยความเป็นเดธคอร์แบบครบครันทั้งความหนักหน่วงและความดิบอยู่สูง ทำให้พวกเขาเริ่มมีชื่อเสียงในระยะเวลาอันสั้น

suicide-silence-mitch

หลังจากนั้นมาในเดือนกันยายนปี ค.ศ. 2007 พวกเขาก็มีอัลบั้มเต็มชุดแรกออกมาชื่อว่า The Cleansing กับสังกัดใหม่อย่าง Century Media Records โดยเปิดตัวกันด้วยมิวสิควิดีโอเพลง “The Price of Beauty” ที่หลังจากเปิดตัวได้ไม่นานนักเพียงสัปดาห์เดียวยอดขายอัลบั้มของพวกเขาก็ทำไปได้ถึง 7,250 แผ่น ขึ้นไปติดท็อปชาร์ตบิลบอร์ดในอันดับที่ 94 อีกด้วย ก็ต้องบอกว่าเป็นการเปิดตัวที่งดงามมากทีเดียวสำหรับวงดนตรีแนวนอกกระแสอย่างเดธคอร์ครับ ทำให้พวกเขาก้าวเข้ามาเป็นที่รู้จักของเหล่านักฟังเพลงแนวเดธคอร์ทั่วโลกด้วย

ต่อมา No Time to Bleed อัลบั้มที่สองของวงก็ถูกส่งออกมาในวันที่ 30 มิถุนายนปี ค.ศ. 2009 ซึ่งก็ถือว่าเปิดตัวได้ดีกว่าเดิมเพราะมาอยู่ในอันดับที่ 32 ของบอลบอร์ดชาร์ตหลังจากวางจำหน่ายไปได้หนึ่งสัปดาห์เต็ม ทำลายสถิติจากอัลบั้ม The Cleansing ไปไกลทีเดียว พาร์ทดนตรีของพวกเขาพัฒนาขึ้นมากโดยมีลูกเล่นที่แปลกใหม่และน่าสนใจ รวมถึงมีการใช้เสียงกีตาร์โซโล่เข้ามามีบทบาทและส่วนร่วมในบทเพลงมากขึ้นอีกด้วย

ทิ้งช่วงไปประมาณสองปี The Black Crown อัลบั้มที่สามของวงก็ตามออกมาในเดือนกรกฎาคมปี ค.ศ. 2011 พร้อมกับทำลายสถิติของงานชุดที่แล้วด้วยการเปิดตัวบนบิลบอร์ดชาร์ตที่อันดับ 28 กับยอดขายกว่า 14,400 ก๊อปปี้ในสหรัฐอเมริกา แน่นอนว่าซิงเกิลเด่นของอัลบั้มนี้คือเพลงที่ทุกคนซึ่งถึงแม้จะไม่ได้เป็นแฟนเพลงของวงก็ต้องรู้จัก นั่นก็คือเพลง “You Only Live Once” ที่เป็นเสมือนกับเพลงชาติของวงไปแล้ว อัลบั้มนี้พวกเขาพัฒนาซาวด์มาเล่นแบบกรูฟมากขึ้น ที่เพิ่มเติมขึ้นมาเป็นพิเศษในอัลบั้มนี้ก็คือแขกรับเชิญพิเศษ ทั้ง Jonathan Davis แห่งวง Korn, Frank Mullen จาก Suffocation และ Alexia Rodriguez จาก Eyes Set to Kill ด้วย

หลังจากที่ตระเวนทัวร์คอนเสิร์ตกันหลายที่รอบโลกทั้งเทศกาลดนตรีน้อยใหญ่ในหลายทวีป (รวมถึงมาเปิดการแสดงที่กรุงเทพฯ ด้วย) ในวันที่ 1 พฤศจิกายนปี ค.ศ. 2012 Mitch Lucker นักร้องนำผู้เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของวงก็ประสบอุบัติเหตุจากการขับขี่มอเตอร์ไซค์ เสียชีวิตลงด้วยวัยเพียง 28 ปี และท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของการจากไปอย่างกระทันหัน ก็เกิดขึ้นเป็นคอนเสิร์ต Ending is the Beginning: Mitch Lucker Memorial Show ขึ้นมาที่โรงละคร Fox Theater ในรัฐแคลิฟอร์เนีย งานนี้ทางวงได้นักร้องนับเชิญมาร่วมขับร้องบทเพลงของวง Suicide Silence แทน Lucker ผู้ล่วงลับมากมาย ทั้ง Max Cavalera (Soulfly, อดีต Sepultura) Randy Blythe (Lamb of God), Rob Flynn (Machine Head), Phil Bozeman (Whitechapel), Danny Worsnop (อดีต Asking Alexandria), Austin Carlile (Of Mice & Men), Tim Lambesis (As I Lay Dying), Chad Grey (Mudvayne) เป็นต้น ซึ่งรายได้จากงานนี้ทางวงก็นำมาเป็นกองทุนสำหรับใช้สนับสนุนการศึกษาของ Kenadee Lucker ลูกสาวของเขาที่กำพร้าพ่ออย่างกระทันหันกันต่อไป

และหลังจากผ่านเหตุการณ์เลวร้ายไปได้พักใหญ่ กลางปี 2014 ทางวงก็กลับมาพร้อมกับ Hernan “Eddie” Hermida นักร้องนำวง All Shall Perish มาเสริมทัพพร้อมทั้งเปิดตัวซิงเกิลแรกอย่าง “You Can’t Stop Me” ออกมาให้แฟนเพลงได้เสพพลังกัน

และก็ต้องบอกว่าอัลบั้มใหม่อย่าง You Can’t Stop Me ที่พวกเขาคัมแบ็คพร้อมกับสมาชิกใหม่คนนี้นั้นดีไม่แพ้งานเก่าสมัย Lucker ยังอยู่เลยครับ ได้กลิ่นอายแบบอัลบั้ม The Black Crown มาเต็ม ๆ แถมยังได้สังกัดใหม่อย่าง Nuclear Blast Records เป็นตัวแทนจำหน่ายผลงานให้กว้างขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย

และหลังจากที่ทำความรู้จักกับพวกเขากันมาพอสังเขปแล้ว ก็ขอเข้าเรื่องขายของเลยแล้วกันครับ อย่าลืมไปร่วมสนุกกันกับคอนเสิร์ต Suicide Silence Live in Bangkok ครั้งที่สามในวันที่ 24 สิงหาคมนี้ ที่ Oxa Club & Restuarant (Mansion 7 เก่า) ใกล้สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินห้วยขวาง พร้อมกับวงเปิดอีกสามวง ได้แก่ As Paradise Falls เดธคอร์จากประเทศออสเตรเลีย, Tragedy of Murder และ Sin of Suffering สองวงเดธคอร์ตัวแรงจากประเทศไทย